Huawei เผยโฉม Kirin 950 ชิปเซ็ตโมบายล์ SoC ทรงพลัง สาหรับสมาร์ทโฟนรุ่นต่อไป

หลังจากที่ได้พัฒนาชิปเซ็ตรุ่นใหม่ได้ระยะหนึ่ง ในที่สุด Huawei ก็ได้เปิดตัวชิป Kirin 950 ออกมาอย่างเป็นทางการ โดยชิปเซ็ตรุ่นใหม่นี้จะมาพร้อมกับสถาปัตยกรรม big.LITTLE ที่ช่วยในการประหยัดพลังงานและโครงสร้างที่เป็นแบบ Octa-Core โดยประกอบไปด้วย ซีพียู Cortex A-72 ความเร็ว 2.53GHz จานวน 4 แกน และซีพียู Cortex A-53 ความเร็ว 1.8GHz อีก 4 แกน ส่วนหน่วยประมวลผลกราฟิกที่ใช้นั้นจะเป็น Mali-T880MP4 พร้อมกับมี i5 Sensing co-processor สาหรับประมวลผลข้อมูลจากเซ็นเซอร์โดยตรงรวมอยู่ด้วย
ชิปเซ็ต Kirin 950 นี้จะผลิตโดยใช้โดยใช้เทคโนโลยี FinFET ขนาด 16 นาโนเมตร ซึ่งการผลิตด้วยวิธีนี้จะช่วยให้เพิ่มประสิทธิภาพได้ 40 เปอร์เซ็นต์ โดยที่ใช้พลังงานต่าลงถึง 60 เปอร์เซ็นต์หากเทียบกับชิปรุ่นก่อน ซึ่งผลการทดสอบประสิทธิภาพที่ออกมา ชิปเซ็ต Kirin 950 บนระบบต้นแบบก็สามารถทาคะแนนการทดสอบแบบ Single-core และ Multi-core ด้วย Geekbench ได้ถึง 1,909 และ 6,096 คะแนนตามลาดับ หรือเมื่อทดสอบด้วย AnTuTu ก็ทาคะแนนได้ 82,945 คะแนน ในขณะเดียวกันกราฟิก Mali-T880 ก็มีประสิทธิภาพดีกว่าเดิมถึงสองเท่าด้วย โดยคาดว่า Mate 8 ของ Huawei ที่จะเปิดตัวเร็วๆ นี้ น่าจะเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่ผลิตออกมาโดยใช้ชิปเซ็ตรุ่นนี้

ข้อมูลจาก synnex.co.th

Samsung เปิดตัว Galaxy Tab S2 บาง เบากว่าเดิม และหรูหราด้วยตัวเครื่องโลหะ

Samsung Galaxy Tab S2

Samsung เปิดตัวแท็บเล็ตรุ่นล่าสุด Galaxy Tab S2 มาพร้อมตัวเครื่องที่ทาจากโลหะดูหรูหราน่าใช้งาน น้าหนักเบา และตัวเครื่องที่บางลงกว่าเดิม Galaxy Tab S2 จะมีมาให้เลือก 2 ขนาด คือ ขนาดหน้าจอ 9.7 นิ้ว และ ขนาดหน้าจอ 8 นิ้ว เปลี่ยนมาใช้สัดส่วนหน้าจอภาพเป็น 4:3 ที่ความละเอียด 2,048 X 1,536 พิกเซล หน้าจอ Super AMOLED หน้าจอ 9.7 นิ้ว จะมีความบาง 5.6 มม. หนัก 389 กรัม ส่วนหน้าจอ 8 นิ้ว จะมีความบางเท่ากัน แต่น้าหนัก 265 กรัม ตัวเครื่องทาจากโลหะ ใช้ชิปประมวลผล Exynos แรม 3GB ความจุมีให้เลือก 32GB และ 64GB เพิ่ม microSD Card ได้สูงสุด 128GB กล้องหลัง 8 ล้านพิกเซล กล้องหน้า 2.1 ล้านพิกเซล สแกนลายนิ้วมือเพื่อใช้งานได้ ใช้ระบบปฏิบัติการ Android 5.0 Lollipop เชื่อมต่อ 3G ทุกคลื่นความถี่และ LTE เชื่อมต่อ WiFi มาตรฐาน 802.11 a/b/g/n/ac ขนาดหน้าจอ 9.7 นิ้ว แบตเตอรี่ความจุ 5,870mAh ขนาดหน้าจอ 8 นิ้ว แบตเตอรี่ความจุ 4,000mAh และจะวางจาหน่ายในเดือนสิงหาคมนี้

ข้อมูลจาก http://www.synnex.co.th

 

วิธีเปลี่ยนภาษาไทยเป็นอังกฤษ หรือ อังกฤษ เปนไทยสำหรับ Office 365

เมื่อติดตั้ง Office 365 เสร็จแล้วเมื่อเราเข้าโปรแกรมต่างๆ หน้าตาเมนูต่างๆจะเป็นภาษาไทย ถ้าต้องการเปลี่ยนเป็นภาษาอังกฤษ ให้เรา sign in เข้า account office 365 ของเราก่อน และทำการติดตั้งในส่วน ตัวเลือกภาษาและการติดตั้ง(ตามรูปวงกลมสีแดง)office 365 change language

หลังจากติดตั้งเสร็จเรียบร้อย ให้เข้าโปรแกรมใน Office 365 (Word,Excel,Powerpoint,Access,….) เลือก ไฟล์ -> ตัวเลือก ->ภาษา

office 365 change language2

ในช่อง ตั้งค่าลำดับความสำคัญของภาษาสำหรับปุ่ม แท็บ และวิธีใช้ เลือกเป็น อังกฤษ เสร็จแล้วกดปุ่ม ตั้งเป็นค่าเริ่มต้น และ กดปุ่ม ตกลง

หลังจากนั้น ปิดโปรแกรม แล้วเปิดโปรแกรมใหม่

 

รายการเครื่องพิมพ์ hp ออกใหม่เดือน มิถุนายน 2557

รายการเครื่องพิมพ์ hp ออกใหม่เดือน มิถุนายน 2557

hp designjet t795 เครื่องพิมพ์แบบ large format น่าจะมาแทนรุ่น  hp designjet t790

ไอบีเอ็ม ไฟว์ อิน ไฟว์ (IBM 5 in 5)

ขอบคุณข้อมูลจากเดลินิวส์

http://www.dailynews.co.th/Content/IT/209836/%E0%B9%84%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%B5%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B9%87%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%9C%E0%B8%A2+5+%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%95

ไอบีเอ็มเผยรายงานประจำปี “ไอบีเอ็ม ไฟว์ อิน ไฟว์ (IBM 5 in 5)” ฉบับล่าสุดที่เผยแพร่ทั่วโลกติดต่อกันมาเป็นปีที่ 8 แสดงให้เห็นถึงนวัตกรรมที่มีแนวโน้มเข้ามามีบทบาทในการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต การทำงาน และการติดต่อสื่อสารของเราในอนาคตอีก 5 ปีข้างหน้า

โดยศึกษาจากแนวโน้มของตลาดและสังคม ประกอบกับความล้ำหน้าของเทคโนโลยีจากห้องปฏิบัติการทั่วโลกของไอบีเอ็ม ซึ่งส่งผลให้นวัตกรรมเกิดขึ้นและใช้งานได้จริง

นางพรรณสิรี อมาตยกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า ไอบีเอ็ม ไฟว์ อิน ไฟว์ ในปีนี้เน้นการศึกษาต่อยอดจากแนวคิดที่ว่าในอนาคตทุกสิ่งจะสามารถเรียนรู้ ได้ โดยเชื่อว่าขณะนี้เรากำลังก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ที่ระบบต่าง ๆ มีความสามารถในการเข้าใจ ได้รับการฝึกฝนและสื่อสารกับเราได้ใกล้เคียงกับการสื่อสารของมนุษย์มากขึ้น

ยิ่งไปกว่านั้นยังเฉพาะเจาะจงถึงระดับปัจเจกบุคคลมากขึ้นด้วย ซึ่งเบื้องหลังความสามารถเหล่านี้ขับเคลื่อนมาจากการผสมผสานของทั้งคลาวด์ คอมพิวติ้ง บิ๊กดาต้า การวิเคราะห์ผลขั้นสูง ระบบเพื่อสร้างการเรียนรู้ ตลอดจนระบบความปลอดภัยที่เข้มแข็ง

ทั้งนี้ในช่วง 5 ปีข้างหน้านี้ ไอบีเอ็มคาดว่านวัตกรรมทั้ง 5 ต่อไปนี้ จะมีอิทธิพลต่อการดำเนินชีวิตของมนุษย์ในระดับปัจเจกบุคคล

โดยนวัตกรรมแรกก็คือ ห้องเรียนจะรู้จักนักเรียน

ในอนาคตอันใกล้นี้ห้องเรียนจะรู้จักนักเรียนแต่ละคนจากข้อมูลประจำตัว ต่าง ๆ เช่น ผลการสอบ การเข้าเรียน และพฤติกรรมการเรียนผ่านอีเลิร์นนิ่ง โดยเมื่อข้อมูลทั้งหลายได้รับการวิเคราะห์เชิงลึก โดยผู้สอนจะสามารถคาดการณ์ได้ล่วงหน้าว่านักเรียนคนใดมีปัญหา อะไรคือข้อบกพร่อง  รวมไปถึงเสนอหลักสูตรที่เหมาะสมกับเป้าหมายของนักเรียนแต่ละคนตั้งแต่ระดับ อนุบาลไปจนถึงเข้าทำงาน

นวัตกรรมต่อมาคือ การชอปปิงที่ร้านจะกลับมาชนะการชอปปิงออนไลน์

แม้ว่ายอดการชอปปิงออนไลน์จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และแตะ 1 ล้านล้านดอลลาร์เป็นครั้งแรกในปีที่ผ่านมา แต่ในอนาคตการชอปปิงตามห้างร้านจะกลับมาคึกคักอีกครั้งโดยอาศัยความรวดเร็ว และความใกล้ชิดกับลูกค้าเป็นข้อได้เปรียบ และในอีก 5 ปีข้างหน้าร้านค้าจะใช้เทคโนโลยีที่มีความสามารถในการประมวลผลขั้นสูงจาก ข้อมูลมหาศาลมาช่วยให้ผู้ขายมีความเชี่ยวชาญในสินค้าทุกชิ้นของร้าน

เมื่อประกอบกับข้อมูลพฤติกรรมการซื้อและข้อมูลย้อนหลังต่าง ๆ ที่ถูกประมวลขึ้นมาผ่านอุปกรณ์โมบาย ผู้ขายจะรู้จักลูกค้าทันทีเมื่อลูกค้าก้าวเข้ามาในร้านเสมือนนำประสบการณ์ การชอปปิงออนไลน์มาไว้ในที่ซึ่งลูกค้าสามารถจับต้องสินค้าได้ จึงช่วยขยายประสบการณ์การจับจ่ายของลูกค้าและทำให้ร้านค้าสามารถสนองตอบความ ต้องการของลูกค้าแต่ละบุคคลได้ตรงใจ

นวัตกรรมที่สาม คือ หมอจะใช้ดีเอ็นเอของผู้ป่วยในการรักษา

อย่างเช่น โรคมะเร็งที่คร่าชีวิตคนทั่วโลกถึงปีละ 8.1 ล้านคน หากการบำบัดรักษาได้รับการออกแบบให้เหมาะสมจากการวิเคราะห์เชิงลึกถึงดีเอ็น เอ ข้อมูลทางพันธุกรรม รวมถึงการตอบสนองต่อยาของผู้ป่วย จะสร้างความแม่นยำและเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษามากยิ่งขึ้น

ซึ่งในอีก 5 ปี ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีบิ๊ก ดาต้าและการประมวลผลขั้นสูง คลาวด์คอมพิวติ้ง ผนวกกับการศึกษาทางพันธุกรรม จะช่วยให้หมอวิเคราะห์สาเหตุของการเกิดมะเร็งและออกแบบการรักษาได้เฉพาะ เจาะจงต่อผู้ป่วยแต่ละคนทั่วโลกได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งเทคโนโลยีการแลกเปลี่ยนข้อมูลแบบคลาวด์-เบสยังจะช่วยให้หมอเข้าถึง ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับการรักษาได้อย่างกว้างขวาง

นวัตกรรมที่สี่คือ ผู้คุ้มครองดิจิทัลจะปกป้องคุณในโลกออนไลน์

ทั้งนี้ ในปี ค.ศ. 2012 รวมผู้เสียหายจากมิจฉาชีพในโลกออนไลน์ในอเมริกาเพียงประเทศเดียวมียอดถึง 12 ล้านคน การรักษาความปลอดภัยในโลกไซเบอร์ที่เราเคยใช้ เช่น พาสเวิร์ด โปรแกรมป้องกันไวรัส และไฟร์ วอลล์ จึงอาจไม่เพียงพออีกต่อไป เพราะวิธีดังกล่าวเป็นการป้องกันการคุกคามที่เรารู้จักมันมาก่อนและสามารถหา หนทางในการป้องกันได้แล้ว

แต่ในอนาคตเราจะมีผู้คุ้มครองดิจิทัลดูแลแต่ละคนเพื่อลดความเสี่ยงในการ ท่องโลกออนไลน์ โดยผู้คุ้มครองดิจิทัลนี้จะใช้เรียนรู้พฤติกรรมการใช้งานของเราทุกบริบท แต่ละสถานการณ์ ในทุกอุปกรณ์การเชื่อมต่อ ดังนั้นมันจะรู้ว่ากิจกรรมใดสมเหตุสมผลและอันใดที่ไม่ใช่ จากนั้นมันให้คำแนะนำกับเราได้ว่าควรทำอย่างไรเมื่อเกิดกิจกรรมที่ไม่น่า ไว้ใจ

และนวัตกรรมที่ห้า เมืองจะตอบสนองความต้องการของผู้อยู่อาศัย

จากการคาดการณ์ว่า ภายในปี  ค.ศ. 2030 คน 80 เปอร์เซ็นต์จะอาศัยในเมืองใหญ่ ในประเทศที่กำลังพัฒนาและในปี  ค.ศ. 2050 ประชากร 7 ใน 10 คน จะเป็นผู้อยู่อาศัยในเมือง เมืองอันชาญฉลาดในอีก 5 ปีข้างหน้าจะรับรู้เหตุการณ์นับล้านที่เกิดขึ้นในเมืองแบบเรียลไทม์ เข้าใจว่าคนต้องการอะไร ชอบหรือไม่พอใจอะไร รวมถึงพวกเขาใช้เส้นทางกันอย่างไร

โดยข้อมูลเหล่านี้ได้มาจากผู้อยู่อาศัยเองจากทั้งอุปกรณ์มือถือและการ ปฏิสัมพันธ์ในโลกโซเชียลต่าง ๆ ดังนั้นผู้นำของเมืองจะตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นว่าเมือง ต้องการอะไร ที่ไหนและเมื่อไร ทำให้การพัฒนาเมืองสนองตอบความต้องการของผู้คนจริง ๆ อีกทั้งยังสร้างสัมพันธ์อันดีระหว่างคนในเมืองและผู้นำอีกด้วย.

vmware ชี้ virtualization ช่วยลดค่าใช้จ่ายภาคธุรกิจ

วีเอ็มแวร์ การันตีเทคโนโลยีเวอร์ชวลไลเซชั่น ช่วยธุรกิจไทยเลี่ยงค่าใช้จ่ายได้ถึง 30,000 ล้านบาท จากการลดการซื้อเซิร์ฟเวอร์เพิ่ม ค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน ค่าบำรุงรักษา และค่าสถานที่ติดตั้งระบบ…

เมื่อเร็วๆ นี้ วีเอ็มแวร์ อิงค์ องค์กรด้านบริการเวอร์ชวลไลเซชั่นและโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ ประกาศเปิดตัวแคมเปญ Virtualization 2020 ซึ่งช่วยให้ธุรกิจย้ายจากยุคของไคลเอ็นต์เซิร์ฟเวอร์ไปสู่การประมวลผลแบบ คลาวด์ ในขณะที่มีการทำงานแบบเคลื่อนที่อยู่นอกสำนักงาน ทั้งนี้ IDC Server Economies Index เปิดเผยว่าตั้งแต่ปี 2546-2563 องค์กรธุรกิจใน 8 ประเทศของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจะสามารถหลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายได้ถึง 2,940,000 ล้านบาท อันเป็นผลมาจากการทำเซิร์ฟเวอร์ระบบเวอร์ชวลไลเซชั่น

ทั้ง นี้ ไอดีซี ยังได้ออกบทวิเคราะห์เกี่ยวกับเทคโนโลยีเวอร์ชวลไลเซชั่นในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา และในอนาคตถึงปี 2565 ด้วยการประมาณค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเกี่ยวกับเซิร์ฟเวอร์ x86 ที่จะเกิดขึ้น หากไม่มีการนำโซลูชั่นด้านการทำเวอร์ชวลไลเซชั่นมาใช้ไว้ว่าจากการสำรวจผ่าน การโมเดลของ ไอดีซี ในประเทศไทยผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจะกว่า 30,960 ล้านบาท ประกอบด้วยการหลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายที่สำคัญใน 4 ส่วนหลัก คือ 1. หลีกเลี่ยงการซื้อเซิร์ฟเวอร์เพิ่มเติม ซึ่งจะทำให้หลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายได้ถึง 18,660 ล้านบาท ซึ่งเมื่ออ้างอิงตัวเลขดังกล่าวกับค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาสวนลุมพินี ซึ่งเปรียบเป็นปอดของกรุงเทพฯ ต่อปี จำนวน 876 ล้านบาท จะสามารถเพิ่มระยะเวลาให้คนไทยได้ใช้สวนลุมพินีสำหรับการออกกำลังกายเพิ่ม อีก 21 ปี หรือสามารถนำเงินส่วนนี้ไปให้ความช่วยเหลือผู้พิการในประเทศไทยได้เป็นระยะ เวลา 91 ปี 2. ทำให้หลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายได้ถึง 5,700 ล้านบาท เฉพาะด้านพลังงาน ด้านระบบไฟฟ้า และระบบระบายความร้อนของระบบเซิร์ฟเวอร์ในศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์ 3. ลดค่าใช้จ่ายด้านบำรุงรักษาและดูแลระบบเซิร์ฟเวอร์จากการใช้จ่ายด้านการ บริหารทรัพยากรบุคคลได้ถึง 6,450  ล้านบาท (ตามการประมาณการของไอดีซี) 4. หลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายได้ถึง 180 ล้านบาท เมื่ออ้างอิงกับค่าใช้จ่ายด้านค่าเช่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ได้ลงทุนกับ สถานที่การติดตั้งระบบเซิร์ฟเวอร์

อย่างไรก็ตาม ผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่าธุรกิจเป็นจำนวนมากคาดว่าจะมีการทำเวอร์ชวลไลเซ ชั่นในอนาคต ซึ่งข้อมูลนี้ได้รับการสนับสนุนจากข้อเท็จจริงที่ว่าตลาดเซิร์ฟเวอร์ x86 ไทยขยายตัวมาอย่างต่อเนื่องราว 3.4% ตั้งแต่ปี 2550-2555 และคาดการณ์ว่าในปี 2555-2563 จะเติบโตเป็น 4.6%

นายชวพล จริยาวิโรจน์ ผู้จัดการประจำประเทศไทยและอินโดจีน บริษัท วีเอ็มแวร์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันธุรกิจของบริษัทได้มาถึงจุดที่ยอมรับแนวคิดของการนำเวอร์ชวลไลเซ ชั่นไปใช้ และตระหนักถึงความคล่องตัว รวมถึงผลประโยชน์ต่างๆ และความยืดหยุ่นทางธุรกิจที่ดีขึ้นจากการนำเวอร์ชวลไลเซชั่นมาสนับสนุนการลด ค่าใช้จ่ายดำเนินการและสร้างความยั่งยืนขององค์ประกอบธุรกิจได้อย่างดียิ่ง ขึ้น

ผู้จัดการประจำประเทศไทยและอินโดจีน วีเอ็มแวร์ ประเทศไทย กล่าวอีกว่า นอกจากนี้องค์กรจำนวนมากยังนำเวอร์ชวลไลเซชั่นมาใช้ในส่วนอื่นๆ ของศูนย์ข้อมูลที่ถูกกำหนดขึ้นโดยซอฟต์แวร์ (Software-Defined Data Center : SDDC) นอกจากนี้พวกเขาจะพบวิธีการใหม่ๆ ในการประหยัดค่าใช้จ่ายในส่วนอื่น เช่น ระบบเครือข่าย การรักษาความปลอดภัย และการจัดเก็บข้อมูล ในขณะที่องค์กรเปลี่ยนไปสู่การสร้าง SDDC ยิ่งช่วยให้การประหยัดค่าใช้จ่ายทำได้มากขึ้น ทำให้องค์กรสามารถนำกลับไปลงทุนในส่วนอื่นที่มีความสำคัญต่อการคิดค้นนวัต กรรมและเพิ่มผลผลิต เพื่อสร้างความได้เปรียบเชิงแข่งขันในภูมิภาคได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยการตระหนักถึงการนำไอทีมาปรับใช้ในโครงสร้างพื้นฐานตามลำดับ.

ข่าวจาก

http://www.thairath.co.th/content/tech/375599

สินค้า epson ประจำเดือน มีนาคม-มิถุนายน 2556

สินค้า epson ประจำเดือน มีนาคม-มิถุนายน 2556

download

epson-march-june-2013

 

ผ่าภาษีบุคคลธรรมดาแบบใหม่อุ้มคนรายได้สูง

ผ่าโครงสร้าง ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาแบบใหม่ เอื้อประโยชน์คนรายได้สูง รัฐบาลรายได้ลด 2.5 หมื่นล้านบาท พร้อมเปิดทางสามี-ภรรยา แยกยื่นภาษี

คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติวานนี้ (18 ธ.ค.) ให้กระทรวงการคลังปรับโครงสร้างภาษีบุคคลธรรมดาใหม่ โดยให้มีทั้งหมด 7 อันตราจากปัจจุบันที่มี 5 อันตรา มีผลบังคับปีหน้า

จากอันตราใหม่ ผู้มีรายได้มากกว่า 4 ล้านบาทต่อปี เสียภาษีในอันตราร้อยละ 35 ลดลงจากอันตราร้อยละ37 ของรายได้ต่อปี

โดยมีรายละเอียดดังนี้คือ

ผู้มีรายได้รายได้ระหว่าง 300,000 บาท แรกจะเสียภาษีในอันตราร้อยละ 5 ของรายได้ต่อปี และรัฐบาลยังคงยกเว้นภาษีสำหรับผู้มีรายได้ไม่เกิน 150,000 บาท ตามเดิม

รายได้ช่วง 300,001 บาท แต่ไม่เกิน 500,000 บาท จะถูกเก็บภาษีร้อยละ 10 เท่ากับอันตราเดิม

รายได้ช่วง 500,001 ถึง 750,000 เสียภาษี ร้อยละ15 จากอันตราเดิม ที่ร้อยละ20

รายได้ช่วง 750,001 ถึง 1 ล้านบาท เสียภาษีอัตราร้อยละ 20 เท่าเดิม

รายได้ช่วง 1,000,001 ถึง 2 ล้านบาท เสียภาษีร้อยละ 25 ลดลงจากร้อยละ30

รายได้ช่วง 2,000,001 ถึง 4 ล้านบาท เสียภาษีร้อยละ 30 เท่ากับอันตราเดิม

รายได้ตั้งแต่ 4,000,001 ขึ้นไปเสียภาษีร้อยละ 35 ลดลงจากอันตราปัจจุบันที่ร้อยละ 37

มาตราใหม่นี้จะทำให้รัฐบาลสูญรายได้ไป 2.5 หมื่นล้านบาทในปีภาษี2556 หรือรายได้ปีปฏิทิน 2557

นอกจากนี้ ครม.ยังอนุญาตให้สามีภริยาสามารถแยกยื่นภาษีประจำปีได้ ทำให้คู่สามีภริยาจะได้เสียภาษีน้อยลง จากมาตรการนี้จะให้รายได้ภาษีของรัฐบาลลดลงไปปีละ7 พันล้านบาท มาตรานี้มีผลบังคับทันทีปีนี้

http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/finance/finance/20121219/482550/%E0%B8%9C%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A9%E0%B8%B5%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%84%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%87.html

 

อินเทลเสนอ “ห้องเรียนแห่งอนาคต” หนุนแท็บเล็ตป.1

http://www.thairath.co.th/content/tech/313024

อินเทล นำเสนอรูปแบบห้องเรียนแห่งอนาคต ที่มีการเรียนการสอนแบบอี-เลิร์นนิ่ง ที่นักเรียนทุกคนได้ใช้คอมพิวเตอร์คนละเครื่องในห้องเรียน โดยมีโครงการนำร่องครั้งที่สองที่ ร.ร.ทวีธาภิเศก และ ร.ร.วัดราชาธิวาส เพื่อหนุนนโยบายแท็บเล็ตเพื่อการศึกษาของรัฐบาล…

โมเดลห้องเรียน แห่งอนาคตเป็นโซลูชั่นประกอบการเรียนการสอนในรูปแบบของ อี-เลิร์นนิ่ง ซึ่งนักเรียนทุกคนได้ใช้คอมพิวเตอร์คนละเครื่องในห้องเรียน (1:1 eLearning) ในประเทศต่างๆ ทั่วโลก สำหรับในประเทศไทย ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2555 นี้เป็นต้นไป อินเทลได้จัดทำโครงการนำร่องครั้งที่สอง ภายใต้แนวคิด “ห้องเรียนแห่งอนาคต” สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่โรงเรียนทวีธาภิเศก และโรงเรียนวัดราชาธิวาส เพื่อสนับสนุนนโยบายแท็บเล็ตเพื่อการศึกษา (One Tablet Per Child) ของรัฐบาล โดยสิ่งที่อินเทลให้การสนับสนุน ได้แก่

ติดตั้งระบบไอซีที พื้นฐาน เพื่อแก้ไขปัญหาการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตและการเข้าถึงคอนเทนต์ ประกอบด้วย ระบบการกระจายคอนเทนต์ ไฟร์วอลล์  ระบบรับคอนเทนต์ และระบบบริหารจัดการในห้องเรียน (Content Distribution Network, Firewall, Content Caching, Classroom Management) จัดอบรมเพื่อพัฒนาศักยภาพของบุคลากรครู ควบคู่กับการอบรมผ่านโปรแกรม อินเทล ทีช และอินเทล เลิร์นนิ่ง ซีรีส์ 1:1 เป็นต้น

โมเดลห้องเรียนแห่งอนาคตที่โรงเรียนทวีธาภิเศก และโรงเรียนวัดราชาธิวาส

อินเทล จัดหาแท็บเล็ตขนาดหน้าจอ 10 นิ้ว ให้กับโรงเรียนเพื่อใช้ในการศึกษาสำหรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1 ในช่วงระหว่างการดำเนินงานโครงการนำร่อง โดยเริ่มตั้งแต่เดือนธันวาคม 2555 โรงเรียนวัดราชาธิวาส 1 ชั้นเรียน และนักเรียนพิเศษ 1 ชั้นเรียน และโรงเรียนทวีธาภิเศก 1 ชั้นเรียน แท็บเล็ตที่ใช้ในโรงเรียนติดตั้งโปรแกรมบริหารจัดการในห้องเรียน (classroom management software) ที่เป็นโปรแกรมที่ผู้สอนสามารถควบคุมกิจกรรม (บนแท็บเล็ต) ในระหว่างการเรียนในห้องเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และการจัดหาอุปกรณ์เซิร์ฟเวอร์ (Server Appliances) และโซลูชั่นการกระจายคอนเทนต์ (Content Distribution Solution) ให้แก่โรงเรียน

เซิร์ฟเวอร์โรงเรียนและโซลูชั่นการกระจายคอนเทนต์ ตอบโจทย์ความท้าทายหลักๆ สองประการ   นักเรียนจะสามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลจำนวนมากบนอินเทอร์เน็ตได้อย่างไร หากประสิทธิภาพการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตมีขีดจำกัด และครูจะค้นหาและได้รับข้อมูลที่ถูกต้องโดยที่ไม่เป็นการเพิ่มภาระได้ อย่างไร การใช้โซลูชั่นการเข้าถึงคอนเทนต์ ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการสอนทั้งคัดสรรและสร้างสรรค์ คอนเทนต์ที่เหมาะสม คอนเทนต์จะถูกส่งจากเซิร์ฟเวอร์ส่วนกลางกระจายไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่ติดตั้ง อยู่ในแต่ละโรงเรียน นักเรียนและครูสามารถเข้าถึงคอนเทนต์ผ่านเครือข่าย Wi-Fi ในพื้นที่ท้องถิ่นได้อย่างเร็วและเชื่อถือได้โดยไม่ต้องคำนึงถึงการเชื่อม ต่ออินเทอร์เน็ตของโรงเรียน

อุปกรณ์เซิร์ฟเวอร์ที่พร้อมด้วยระบบ firewall protection รวมทั้ง caching ที่มีหน้าที่ในการเก็บข้อมูลและสามารถค้นหาข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว และบริการด้านเน็ตเวิร์กต่างๆ ที่โรงเรียนต้องการ เซิร์ฟเวอร์ที่ใช้ต้องการการตั้งค่าคุณสมบัติเพียงครั้งเดียว (one-time configuration) และไม่ต้องการการดูแลเพิ่มเติมในการใช้งานอย่างต่อเนื่อง และหากมีปัญหาเกิดขึ้น เซิร์ฟเวอร์สามารถควบคุมและเข้าถึงได้จากระยะไกล ขณะที่นักเรียนสามารถเข้าถึงข้อมูลการเรียนรู้ จากสำนักงานคณะกรรมการขั้นพื้นฐาน และคอนเทนต์ที่อินเทลจัดหาให้จากแหล่งข้อมูลต่างๆ เช่น Skoool, Wikipedia, Khan Academy ผ่านทางอุปกรณ์เซิร์ฟเวอร์ของโรงเรียน

การจัดหา โปรแกรมพัฒนาบุคลากรผู้เชี่ยวชาญ (Professional Development Program) สำหรับ Intel Learning Series 1:1 e-Learning การอบรมพิเศษเกี่ยวกับอุปกรณ์ที่ได้คัดเลือกมาเพื่อมอบความรู้ อย่างละเอียดในแง่การใช้งาน และสามารถนำไปประยุกต์ใช้เพื่อมอบประโยชน์สูงสุดให้แก่ผู้รับได้

โครงการนำร่องครั้งที่ 1 แท็บเล็ต Intel Learning Series – การประเมินผลงาน

ใน เดือนกุมภาพันธ์ 2555 อินเทลจัดหาแท็บเล็ต Intel Learning Series เพื่อโครงการนำร่องสำหรับ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 และ 4 ของโรงเรียนสามแห่งในกรุงเทพฯ ซึ่งได้แก่ โรงเรียนอนุบาลสามเสน โรงเรียนประชานิเวศน์ และโรงเรียนฤทธิยะวรรณาลัย

ผลการดำเนินโครงการ – คุณครูยังคงเป็นกุญแจสำคัญสำหรับการปฏิรูปการศึกษา

จาก โครงการนำร่องโครงการแรกการพัฒนาบุคลากรครูเป็นสิ่งที่สำคัญมากในการสร้าง พื้นฐานอันแข็ง แกร่ง และการนำแนวคิดนี้ไปปฏิบัติในห้องเรียน เมื่อมีแรงบันดาลใจและทราบถึงวิธีการใช้เทคโนโลยีในห้องเรียนอย่างมี ประสิทธิภาพแล้ว คณะครูก็สามารถ “สร้างสรรค์” และ “ชักชวนนักเรียนให้มีส่วนร่วม” กับการเรียนรู้ได้

การใช้งาน เเท็บเล็ตพีซี อินเทล อะตอม ในห้องเรียน ทำให้เกิดการโต้ตอบอย่างกระตือรือร้นระหว่าง  คุณครูและนักเรียน นักเรียนเพลิดเพลินกับการเรียนผ่านทางแอพพลิเคชั่นมากกว่าการเรียนแบบปกติ

นักเรียน แสดงออกถึงความสนใจที่เพิ่มมากขึ้น และเกิดแรงจูงใจในการมีส่วนร่วมกับบทเรียน นักเรียน สนุกกับการใช้แท็บเล็ตพีซีในการค้นคว้าวิจัยการส่งการบ้านและการทำกิจกรรม กลุ่มร่วมกับเพื่อนๆ

โปรแกรม classroom management software เป็นโปรแกรมที่มีประโยชน์มากสำหรับคุณครูประจำ ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 เนื่องจากนักเรียนส่วนใหญ่ได้เรียนการใช้แท็บเล็ตมาก่อนแล้ว การควบคุมการใช้งานแท็บเล็ตอย่างใกล้ชิดในห้องเรียนจึงเป็นสิ่งจำเป็น

คณะ ครูใช้เทคโนโลยีในการทำงานต่างๆ อย่างหลากหลาย เช่น การทำงานวิจัย การพัฒนาหลักสูตร การเรียนการสอน การสอนบทเรียน การนำเสนอสื่อมัลติมีเดีย และการคุมสอบ ทั้งนี้ วิชาคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และภาษาอังกฤษ เป็นวิชาที่ได้รับประโยชน์มากที่สุดจากโมเดลอี-เลิร์นนิ่ง (เนื่องจากครู สามารถนำบทเรียนมาประยุกต์กับแอพพลิเคชั่นและเครื่องมือออนไลน์ต่างๆ ได้)

คณะ ครูต้องการให้มีการอบรมเพิ่มเติมและการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องในด้านการ พัฒนาหลักสูตร การเรียน และวิธีการใช้เทคโนโลยีเพื่อส่งเสริมวิธีการสอนและการพัฒนาบุคลากร ขณะที่สิ่งที่ต้องการเพื่อการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่ดีขึ้น ได้แก่ เครือข่ายอินเทอร์เน็ตไร้สายความเร็วสูงและปลั๊กไฟเพิ่มเติม

เผย 7 อาชีพ ทำงานได้เสรีในอาเซียน รับ AEC

สมาคมส่งเสริมการค้าอาเซียน  เผย 7 วิชาชีพ ที่สามารถทำงานได้ในทุกประเทศของอาเซียน ทั้ง ไทย พม่า ลาว เวียดนาม มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ กัมพูชา บรูไน

จากที่จะมีการรวมตัวของประเทศในกลุ่มอาเซียน 10 ประเทศ เป็น Asean Economics Community (AEC) เพื่อที่จะให้มีผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจร่วมกัน มีรูปแบบคล้ายๆ กลุ่ม Euro Zone โดยมีผลประโยชน์ อำนาจต่อรองต่างๆ กับคู่ค้าได้มากขึ้น และการนำเข้า ส่งออกของชาติในอาเซียนทำจะเสรี ยกเว้นสินค้าบางชนิดที่แต่ละประเทศอาจจะขอไว้ไม่ลดภาษีนำเข้า (เรียกว่าสินค้าอ่อนไหว) โดยอาเซียนจะรวมตัวเป็น “ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน” อย่างจริงจังในวันที่ 1 มกราคม 2558 หรืออีก 3 ปีข้างหน้า

ทั้งนี้ได้มีการกำหนดให้จัดทำข้อตกลงยอมรับร่วมกัน (Mutual Recognition Arrangements : MRAs) ด้านคุณสมบัติในสาขาวิชาชีพหลัก เพื่ออำนวยความสะดวกในการเคลื่อนย้ายนักวิชาชีพ หรือแรงงานเชี่ยวชาญได้อย่างเสรี โดยเบื้องต้นได้กำหนดครอบคลุม 7 อาชีพ  ได้แก่
– อาชีพวิศวกร( Engineering Services)
– อาชีพพยาบาล (Nursing Services)
– อาชีพสถาปนิก(Architectural Services)
– อาชีพการสำรวจ (Surveying Qualifications)
– อาชีพนักบัญชี (Accountancy Services)
– อาชีพทันตแพทย์ (Dental Practitioners)
– อาชีพแพทย์ (Medical Practitioners)

ทั้งนี้การเคลื่อนย้ายแรงงานฝีมือเสรีในกลุ่ม 7 อาชีพนั้น มีผลดีต่อไทยไม่น้อย เพราะในภาพรวม สถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาในไทยมีศักยภาพในด้านการผลิตบุคลากรในสาย วิชาชีพทั้ง 7 ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง ซึ่งทำให้ผู้จบการศึกษาในสายวิชาชีพทั้ง 7 ตั้งแต่ระดับปริญญาตรีจนถึงปริญญาเอกมีตลาดงานที่เปิดกว้างมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงเคลื่อนย้ายแรงงานเสรีในกลุ่มประเทศอาเซียนทั้ง 7 อาชีพในปี 2015 (2558) แม้จะเป็นโอกาสทองของคนไทยในสายวิชาชีพดังกล่าว แต่ก็มีจุดที่ต้องระวังอยู่ไม่น้อย ทั้งในด้านการที่คนไทยไปทำงานที่ต่างประเทศ และการที่คนต่างประเทศมาทำงานในไทย เพราะถ้าการระวังไม่รัดกุม โอกาสทองนั้นอาจพลิกเป็นวิกฤต และมีผลกระทบรุนแรงต่อบางสายวิชาชีพได้

ข้อมูลจาก สมาคมส่งเสริมการค้าอาเซียน